ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความไม่มั่นใจและกังวลที่จะใช้ชีวิต โดยเฉพาะปัญหา ‘พันธุกรรมหัวล้าน‘ ที่ดูจะเป็นเรื่องที่รักษาได้ยาก แต่รู้หรือไม่ว่า ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยในปัจจุบันนี้ ทำให้ปัญหาหัวล้านกรรมพันธุ์กลายเป็นเรื่องที่รักษาได้ง่าย และช่วยคืนความมั่นใจให้กับทุกคนที่มีปัญหาผมได้อีกครั้ง บทความนี้จะพามาเจาะลึกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมหัวล้าน พร้อมแนะแนวทางการรักษาอย่างตรงจุด ติดตามกันได้เลย
พันธุกรรมหัวล้าน คืออะไร?
พันธุกรรมหัวล้าน หรือ โรคหัวล้านทางพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia) คือ ภาวะผมร่วงที่เกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มักพบได้บ่อยในเพศชาย โดยผู้ที่ประสบกับภาวะนี้ เส้นผมจะ
มีลักษณะลีบบาง และมีวงจรอายุสั้นกว่าปกติ จึงทำให้หลุดร่วงได้ง่าย ส่วนใหญ่แล้วอาการผมร่วงจากพันธุกรรมจะเริ่มแสดงในช่วงอายุตั้งแต่ 18-25 ปี และจะร่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัย จนทำให้ผมบริเวณด้านหน้าและกลางศีรษะบางลง ซึ่งนอกจากการถ่ายทอดพันธุกรรมหัวล้านจากคนในครอบครัวแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ปัญหาผมร่วงรุนแรงมากขึ้น เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการรับประทานอาหาร
สาเหตุของการเกิดพันธุกรรมหัวล้าน
สาเหตุของพันธุกรรมหัวล้าน เกิดจากยีน (Gene) ตัวหนึ่งที่อยู่บนโครโมโซม X ซึ่งเมื่อเราได้รับยีนตัวนี้มาจากทางพ่อหรือทางแม่ จะทำให้หนังศีรษะของเราไวต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชนิดหนึ่ง เมื่อหนังศีรษะของเราไวต่อฮอร์โมน DHT ก็จะทำให้ผมที่งอกออกมามีลักษณะเป็นเส้นเล็กและลีบ มีวงจรอายุสั้นลง และยังทำให้ผมเกิดใหม่ช้าลงอีกด้วย ซึ่งในระยะยาว ฮอร์โมน DHT นี้จะทำให้หนังศีรษะผลิตผมเส้นเล็กลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายรากผมก็จะฝ่อตัวจนหายไป จนกลายเป็นปัญหาหัวล้านในที่สุด
ลักษณะของพันธุกรรมหัวล้าน รู้ทัน เข้ารับการรักษาได้ไว
- ในช่วงแรก ผมจะเริ่มร่วงบริเวณด้านหน้า ไปจนถึงกลางศีรษะ และบางลงเรื่อย ๆ จนเริ่มมองเห็นหนังศีรษะ
- เมื่อเวลาผ่านไป แนวผมด้านหน้าจะร่นสูงขึ้น จนไปบรรจบกับบริเวณกลางศีรษะ
- สุดท้ายแล้วจะเหลือแนวผมแค่บริเวณหลังหูและบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เพราะเป็นบริเวณที่ฮอร์โมน DHT ไม่มีผล ทำให้รากผมในบริเวณเหล่านั้นมีความแข็งแรงที่สุด
วิธีการรักษาพันธุกรรมหัวล้าน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการพันธุกรรมหัวล้านได้ เพราะพฤติกรรมบางอย่างที่เราทำในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว และอาหารบางชนิดที่เราเลือกรับประทาน ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้ผมร่วงมากขึ้นกว่าเดิม โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้น สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดี รวมถึงการหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมน DHT มากขึ้น และควรเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่มีโปรตีนและแร่ธาตุสูง เพื่อช่วยให้เส้นผมที่งอกใหม่มีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย
การใช้ยาเพื่อลดผมร่วง
ยาสำหรับรักษาปัญหาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ในปัจจุบันนี้มีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 2 ประเภท คือ ยาที่ช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT และ ยาที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง แต่ในการที่จะใช้ยารักษาผมร่วงนั้น จะต้องได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อมาใช้ด้วยตัวเอง เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้ประเมินตัวยาให้เหมาะกับปัญหาผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด
การปลูกผมด้วยเทคนิค MCG และ FUE
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ยาแก้ผมร่วง อีกหนึ่งวิธีที่สามารถแก้ปัญหาพันธุกรรมหัวล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็คือ ‘การปลูกผมด้วยเทคนิค MCG และ FUE’ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากปลูกผมแล้ว เส้นผมจะอยู่กับเราไปได้ถาวร โดยไม่กลับมาร่วงซ้ำ และยังได้เส้นผมที่มีความแข็งแรง ทำให้กลุ่มผมดูหนา ช่วยเสริมบุคลิกและเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี
ปลูกผมเทคนิค MCG และ FUE คืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) คือ นวัตกรรมการผ่าตัดปลูกผม โดยการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณกกหูหรือบริเวณท้ายทอย มาปลูกถ่ายลงบนบริเวณที่ต้องการ หลังจากปลูกแล้ว ผมที่งอกใหม่จะมีความแข็งแรง และไม่หลุดร่วงซ้ำอีก ซึ่งที่ Max Hair Clinic จะใช้เทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า FUE-MAX ที่จะเป็นการใช้ทรัพยากรผมอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ตั้งแต่การใช้หัวเจาะที่มีขนาดเล็ก และการคำนวณเพื่อวางแนวผมให้ได้ความหนาแน่นสูงสุด จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดูเป็นธรรมชาติ และได้ความหนาแน่นมากกว่าการปลูกผมทั่วไปถึง 20%
สำหรับการปลูกผมเทคนิค MCG (Micrograft) คือ การปลูกผมถาวรที่ใช้เทคนิค FUE แต่พิเศษกว่าตรงที่สามารถเพิ่มความหนาแน่นของผมที่ปลูกได้มากถึง 60% ซึ่ง Maxhair Clinic คือคลินิกที่เชี่ยวชาญและเป็นต้นตำรับของการปลูกผมแบบ Micrograft โดยจะใช้เครื่องเจาะกราฟผมแบบพิเศษ ซึ่งมีความละเอียดสูงมาก รวมไปถึงการนำกราฟผมมาตัดแต่งเนื้อเยื่อและคัดเลือกเฉพาะส่วนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของรากผมมาปลูก ทำให้กราฟผมมีขนาดเล็กลงและสามารถวางแนวผมได้ชิดกันมากขึ้น
ข้อดีของการปลูกผม FUE และ MCG
- เป็นการปลูกผมแบบไร้รอยแผลเป็น มีเพียงรอยขนาดเล็กเท่ารูขุมขน ซึ่งสามารถหายเองได้ในเวลาไม่นาน
- หลังผ่าตัดปลูกผมสามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น
- ได้แนวผมที่ดูเป็นธรรมชาติ ผมที่งอกใหม่มีความแข็งแรงกว่าเดิม ไม่หลุดร่วงซ้ำ
สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วงหรือหัวล้านจากกรรมพันธุ์ และสนใจรักษาด้วยการปลูกผม FUE สามารถปรึกษา Max Hair ได้เลย เราคือคลินิกเวชกรรมบริการด้านเส้นผมครบวงจร ให้บริการดูแลและรักษาปัญหาศีรษะล้าน (หัวล้าน) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ ด้วยเทคนิคปลูกผมที่ผ่านการรับรองในระดับสากล ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ศีรษะล้าน คืนความมั่นใจให้กับคุณ
ติดต่อนัดหมาย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 083-289-1664 และ Line Official: @maxhair